ผู้สนับสนุน
พูดถึงจังหวัดที่เป็นเมืองมรดกโลก และมีวัดจำนวนมากมาย รวมทั้งเป็นวัดที่สำคัญในครั้งประวัติศาสตร์ที่พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตทรงเสด็จมาเพื่อทำพระราชพิธีต่าง ๆ นั่นก็คือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทริปนี้เหมาะสำหรับคนชอบทำบุญ เรียกว่าสายบุญไม่ควรพลาด ซึ่งวัดที่เป็น Highlight สำหรับทริปนี้ก็มีอยู่หลายวัด ขอเริ่มที่วัดแรก คือ วัดไชยวัฒนาราม
ทันทีที่เดินเข้ามา เราจะได้รู้สึกได้ถึงเสน่ห์ดั่งต้องมนต์ขลังของวัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งความสวยงามของวัดนี้ คือพระปรางของเจดีย์ที่มีความโดดเด่น ซึ่งถูกสร้างในสไตน์ของเขมร ซึ่งมีลักษณะของประสาทนครวัด ประเทศเขมร วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง เล่ากันว่าพระองค์ทรงสร้างขึ้นเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระมารดา
และในสมัยก่อนถือว่าเป็นวัดหลวงและเป็นที่บำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์นับต่อจากพระเจ้าปราสาททองเป็นต้นมา และนอกจากนั้นยังใช้เป็นวัดที่ถวายพระราชเพลิงศพของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ ยังเป็นวัดที่ใช้ถ่ายทำละครที่โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองกับฉายาอ๋อเจ้า แน่นอนจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ กับละครทางช่อง 3 คือ เรื่อง บุพเพสันนิวาส เรานั่นเอง ซึ่งก่อให้เกิดกระแสฮิตฟีเวอร์ในการมาท่องเที่ยวที่วัดแห่งนี้ พร้อมกับ มีการให้เช่าชุดไทย เพื่อแต่งกายเรียนแบบละคร กลายเป็นจุดทำรายได้แบบใหม่ ของวัดไชยวัฒนาราม ดังนั้นตคนจำกัดมาก มาเช่าชุดเพื่อไปถ่ายรูปในวัด ช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก
ซึ่งที่นี่เราจะพบกับชาวต่างชาติที่เป็นชาวตะวันตกเป็นจำกัดมาก เขาก็จะงงนิดหน่อยว่าทำไมคนไทย ถึงแต่งกายด้วยชุดประจำชาติมาถ่ายรูป ซึ่งโชคดีที่พอจะ speak English ได้อยู่ จึงอธิบายให้เขาฟัง ว่ามาจากการที่เราแต่งกายเลียนแบบละครไทยเรื่องดัง เขาเลยถึงบางอ้อ และก็ขอบคุณที่เราอธิบายให้เขาฟัง
เมื่อเดินชมภายในวัด เราก็จะพบกับพระพุทธรูป ที่ถูกตัดเศียรไปขาย และซากปรักหักพังของวัด แต่ยังคงเห็นภาพความเจริญรุ่งเรืองของอยุธยาในสมัยก่อน เมื่อเดินดูไปทำให้รู้สึกภูมิใจที่เรามีแผ่นดิน และมีชาติให้อยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้วยเลือดเนื้อของบรรพบุรุษที่ปกป้องรักษาชาติไทยเอาไว้ ทำให้มีประเทศไทย ให้เราอาศัยอยู่อย่างเช่นในปัจจุบันนี้
อีกวัดหนึ่งที่สวยและมีความสำคัญอีกเช่นกันเมื่อครั้งอดีต คือ วัดใหญ่ไชยมงคล ซึ่งลักษณะเด่นของวัดนี้ คือจะมีเจดีย์ใหญ่อยู่ด้านบนบันไดสูง เราต้องขึ้นบันไดที่มีลักษณะชัน เพื่อขึ้นไปไหว้พระขอพรที่ด้านบน ชื่อก็บอกอยู่ว่าวัดใหญ่ชัยมงคล เมื่อมาไหว้พระขอพร ก็จะได้มงคลติดตัวไปนั่นเอง
วัดนี้ก่อสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอู่ทอง สมัยกรุงศรีอยุธยา เจดีย์ชัยมงคลเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะมังกะยอชวาพระมหาอุปราชของหงษาวดี ที่ ต. หนองสาหร่าย จ.สุพรรณบุรี
วัดใหญ่ชัยมงคล
มาถึงวัดต่อไป คือ วัดพนัญเชิง ซึ่งเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปที่สวยงามมาก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อโต หรือเรียกว่าซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสถาปนา กรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปลงรักปิดทอง สมัยอู่ทองตอนปลาย ขนาดหน้าตักกว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20เมื่อถึงในรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการบูรณะวัดพนัญเชิงขึ้นใหม่ ทำให้มีลักษณะให้เห็นอย่างเช่นปัจจุบันนี้ ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ก็เป็นที่เคารพสักการะของทั้งชาวไทยและชาวจีนเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งวัดพนัญเชิง ถือว่าเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท
วัดพนัญเชิง
ซึ่งการเดินทางมาเที่ยวอยุธยานั้นมาได้หลายทาง ทั้งรถไฟ รถส่วนตัว รถตู้ และรถ บขส. แต่ถ้าจะให้สะดวกหน่อย คือรถส่วนตัว ถ้าวันเดียวเที่ยวอยุธยาไม่หมด ก็สามารถมานอนค้างคืน โรงแรม หรือ Guest House ในบริเวณตัวเมืองอยุธยาได้ ซึ่งมีหลายราคา แล้วแต่เราเลือก ซึ่งสำหรับตอนนั้นที่ไป ก็เลือกที่จะไปพัก Guest House เพราะราคาไม่แพง แค่คืนละ 500 บาท
ชื่อ Guest House ที่เคยไปพัก ก็คือ Tanrinซึ่งสภาพห้องก็โอเค ไม่กว้าง และไม่แคบจนเกินไป มีตู้เย็นให้ แอร์ ทีวี ห้องน้ำในตัว และมีกาให้ต้มน้ำร้อนได้ ซึ่งการนอนเพียงคืนเดียว ก็ถือว่าโอเค ราคานี้ไม่มีอาหารเช้าให้ ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะเราสามารถหาของกินได้ไม่ยาก ยิ่งถ้านำรถส่วนตัวไปด้วยแล้ว เราสามารถไปหาของกินแถวๆ นั้นที่ไม่ไกลจากที่พักได้แบบสบาย ๆ ซึ่งในวันที่ไปนั้น ก็ได้ไปทานก๋วยจั๊บที่ตลาดในวัดธรรมนิยม ซึ่งติดกับริมแม่น้ำ เรียกว่าทานไปดูวิวไป ได้ความโรแมนติคไปอีกแบบหนึ่งทีเดียว
ซึ่งเมื่อทานเสร็จ ก็ถือโอกาสทำบุญที่วัดไปด้วย โดยการซื้ออาหารให้ปลาที่ท่าน้ำองวัด และแวะไหว้พระทำบุญ เรียกว่าอิ่มท้องแล้ว ยังได้บุญ และได้ถ่ายภาพสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ อีกด้วย ซึ่งทริปนี้ก็ถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจอีก ทริปหนึ่ง ถ้าใครสนใจ ตามรอยมาเที่ยว ก็ลองมาได้นะคะ ในทริปแบบวันหยุดสัก 2 วันหนึ่งคืน
สำหรับคนที่เป็นสายกินสิ่งที่ไม่ควรพลาด คือ กุ้งแม่น้ำ ซึ่งใครมาอยุธยาแล้วไม่ได้ลองทานกุ้งแม่น้ำ จะเรียกได้ว่ามาไม่ถึง ทันทีที่พนักงานนำกุ้งมาเสร์ฟ ก็ต้องตกตะลึงกับ ขนาดของตัวกุ้ง เพราะมีขนาดใหญ่มาก สิ่งที่ต้องตะลึงในลำดับถัดไป คือภาพกุ้งตรงหน้า ที่มีมันกุ้งอยู่ตรงหัว ทำให้ไม่สามารถจะรอช้าได้ จึงทำให้ลงมือกิน ด้วยความฟิน พร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดแซบๆ
ซึ่งแพเทวราช เป็นแพที่อยู่ไม่ไกลจาก Guest House ที่พัก ดังนั้นจึงเลือกที่จะตัดสินใจไปทานกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ และอาหารค่ำที่นี่ โดยคำแนะนำจากคุณลุงเจ้าของ Guest House และแถมยังได้ส่วนลดอีกด้วย เมื่อบอกว่าคุณลุงจาก Guest House ได้แนะนำมา
เรียกได้ว่า ได้อร่อยแล้ว ยังได้ชมบรรยากาศริมแม่น้ำอีกด้วย เนื่องจากแพแห่งนี้อยู่ติดริมแม่น้ำ หรือถ้าเราเลือกที่จะนั่งในห้องแอร์เย็นสบายก็สามารถทำได้ เมื่อทานอาหารเสร็จ เราสามารถเดินกลับและอาบน้ำนอนในห้องแอร์แบบสบายๆ เรียกว่านอนหลับสนิทฝันดีเลยทีเดียว
คนรักการท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะมาเที่ยวเมืองมรดกโลกอย่างอยุธยาเลยทีเดียวนะคะ ไว้เจอกันใหม่ในทริปหน้านะคะ และคอยติดตามว่า จะไปเที่ยวและรีวิวที่เที่ยวที่ไหนนะคะ
ผู้สนับสนุน